วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

NEWZEALAND



                                                                   NEWZEALAND



 
นิวซีแลนด์ (อังกฤษ: New Zealand) เมารีนิวซีแลนด์: Aotearoa [เอาเตอารัว] หมายถึง "ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว" หรือ Niu Tireni [นิวทิเรนี] ซึ่งเป็นการทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ) เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 2 เกาะ รวมถึงเกาะเล็ก ๆ จำนวนหนึ่ง ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนตะวันตกเฉียงใต้ - นิวซีแลนด์มีเมืองหลวงชื่อเวลลิงตัน (Wellington)

นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ห่างไกลจากประเทศอื่น ๆ มากที่สุด ประเทศที่อยู่ใกล้ที่สุดคือประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ 2,000 กิโลเมตร โดยที่มี ทะเลแทสมันกั้นกลาง ดินแดนเดียวที่อยู่ทางใต้คือทวีปแอนตาร์กติกา และทางเหนือคือนิวแคลิโดเนีย ฟิจิ และตองกา
เมืองหลวง เวลลิงตัน (โอคแลนด์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุด, เนื้อที่ 268,680 ตร.กม., ประชากร 4.1 ล้านคน, ภาษา อังกฤษและเมารี, สกุลเงิน ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)          


• Abel Tasman
ตั้งอยู่ในเขตที่มีแสงแดดสดใสที่สุดในนิวซีแลนด์บนยอดเกาะ South Island อุทยานแห่งชาติ Abel Tasman เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบสำหรับกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานและผ่อนคลาย คุณสามารถเดินเขาไปตามเส้นทางเลียบชายฝั่งอันงดงามซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Great Walks” ของประเทศนิวซีแลนด์ การเดินทางนี้จะใช้เวลาประมาณ 4 หรือ 5 วัน คุณจะได้นอนหลับใต้แสงดาวหรือพักค้างคืนในโรงแรม วิธีการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติที่เป็นที่นิยมคือการพายเรือคายัคทะเลโดยโปรแกรมทัวร์ที่มีให้บริการ คุณอาจใช้เวลาทั้งวันเพลิดเพลินไปกับหาดทรายอันงดงามเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ที่ส่องประกายระยิบระยับรวมถึงการชมแมวน้ำ ปลากระเบน ปลาโลมาและนกพื้นเมืองหลายร้อยสายพันธุ์ในป่าเขียวชอุ่ม
• Auckland
เมือง Auckland ของนิวซีแลนด์เทียบเท่าได้กับเมือง Sydney โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองแห่งการแล่นเรือใบ เป็นเมืองที่มีความเป็นสากลและทันสมัยที่ล้อมรอบด้วยน้ำ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้มีการลงทุนเป็นเงินหลายพันล้านดอลล่าร์ในเมือง Auckland ซึ่งทำให้เมืองอันเขียวขจีและน่าหลงใหลแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา โดยมีสวนสาธารณะ 22 แห่ง เกาะ 50 เกาะและเส้นทางเดินเท้าและปีนเขายาว 500 กิโลเมตรรวมถึงแหล่งช็อปปิ้ง ภัตตาคาร บาร์ คลับ สถานที่แสดงดนตรีสดและผลงานศิลปะ Auckland เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์และเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด
• Kaikoura
หมู่บ้าน Kaikoura ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขา Kaikoura ที่หันหน้าสู่ทะเลและมหาสมุทรแปซิฟิกและจะสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อภูเขาปกคลุมด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ Kaikoura ยังมีชื่อเสียงในด้านการได้พบเห็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล เช่น ปลาวาฬ แมวน้ำและปลาโลมาที่ว่ายอยู่ในเขตชายฝั่ง และคุณยังสามารถใกล้ชิดกับสัตว์ท้องถิ่นที่เป็นมิตรเหล่านี้ได้โดยการใช้บริการโปรแกรมทัวร์ชมปลาวาฬหรือการพายเรือคายัคทะเลซึ่งออกเดินทางจากเมืองหลายรอบต่อวัน Kaikoura ยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการกินกุ้งมังกรน้ำจืดหรือ crayfish  และที่ดีที่สุดของการกินกุ้งมังกรน้ำจืดคือที่เคบินเล็กๆมากมายที่ตั้งอยู่บนถนนเลียบชายฝั่ง และถ้าคุณโชคดี คุณอาจได้เพลิดเพลินไปกับการชมฝูงแมวน้ำที่เล่นอยู่ตามโขดหินริมทะเล
• Queenstown
เมือง Queenstown อาจเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงแห่งการผจญภัยของโลกแต่ยังมีสิ่งอื่นอีกมากมายมากกว่าแค่การผจญภัยโลดโผนที่เมืองอันทันสมัยใน South Island แห่งนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบกิจกรรมโลดโผนหรือต้องการพักผ่อนหย่อนใจ เมืองอันมีชีวิตชีวาแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่มองเห็นทะเลสาบ Wakatipu อันสวยงามและมีภัตตาคารชั้นยอด แหล่งช็อปปิ้งและชีวิตยามค่ำคืนอันน่าตื่นตาตื่นใจ ในช่วงฤดูหนาวที่นี่เป็นศูนย์รวมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี และในช่วงฤดูร้อนก็เป็นที่นิยมในหมู่นักขี่จักรยานภูเขา นักไต่เขาและนักกอล์ฟที่จะเดินทางไปยังไหล่เขาอันเขียวขจีเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ
• Franz Joseph และ Fox Glaciers
ไม่มีที่ใดในโลกที่จะสามารถชมธารน้ำแข็งได้ดีไปกว่าเขตชายฝั่งตะวันตกของนิวซีแลนด์ หมู่บ้าน Franz Joseph และ Fox Glaciers เป็นสถานที่อันสมบูรณ์แบบสำหรับการชมมรดกตกทอดจากยุคน้ำแข็ง โดยมีไกด์นำทางชมธารน้ำแข็งและบริษัทเฮลิคอปเตอร์ในเมืองที่ให้บริการเที่ยวบินชมทัศนียภาพเหนือธารน้ำแข็งและภูเขาที่อยู่โดยรอบ
• Wellington
เมือง Wellington เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศนิวซีแลนด์ คุณจะเพลิดเพลินไปกับอาคารเก่าแก่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม พิพิธภัณท์ หอศิลปะ ร้านค้าบูติคและคาเฟ่ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดทั้งวัน ขณะที่ในยามค่ำคืนก็มีร้านอาหารชั้นยอด บาร์อันมีชีวิตชีวาและสถานที่แสดงดนตรีสดซึ่งจะทำให้คุณสนุกสนานได้ตลอดทั้งคืน เมือง Wellington เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่มีชื่อว่าเทศกาลศิลปะนานาชาติแห่งนิวซีแลนด์ซึ่งมีเวทีแสดงตลก ดนตรีและศิลปะที่ดีที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่สวยงาม โดยตั้งอยู่ระหว่างท่าเรืออันงดงามและเทือกเขาป่าไม้อันเขียวชอุ่มและด้วยแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า เกาะ หมู่บ้านริมทะเล ชายหาดและสวนสาธารณะที่มีอยู่มากมายทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของกิจกรรมกลางแจ้งอย่างแท้จริง

• Rotorua
Rotorua เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของ North Island นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่เพื่อสัมผัสกับสระโคลน สูดอากาศกำมะถันและเยี่ยมชมบ่อน้ำพุร้อนและบ่อน้ำร้อน นอกจากนี้ Rotorua ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสัมผัสกับวัฒนธรรมชาวเผ่าเมารี ชาวเมารีเคารพบูชาสถานที่แห่งนี้และปัจจุบันประชากรหนึ่งในสามเป็นชาวเผ่าเมารี สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ Rotorua คือ Te Puia ที่มีการแสดงทางวัฒนธรรมของชาวเมารีและมีการจัดการรับประทานอาหาร hangi (อาหารที่อบด้วยดิน) เคียงข้างกิจกรรมที่เกิดขึ้นใต้ดิน
• Marlborough
เขตอุตสาหกรรมไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ผลิตไวน์ Sauvignon Blancs ที่ดีที่สุดของโลก คุณสามารถขี่จักรยานท่ามกลางต้นองุ่นและสำรวจไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก เมือง Picton ที่อยู่ใกล้ๆเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมไร่องุ่นหรือเดินทางไปยังอ่าว Marlborough อันสวยงามโดยเรือคายัคทะเลหรือโดยการเดินไปตามทางเดินเลียบทะเลที่มีทัศนียภาพงดงาม
• The Bay of Islands
ชายหาดที่ทอดยาวสุดสายตา น้ำทะเลใสสะอาดอันอบอุ่นและเกาะมากกว่า 144 เกาะทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า Bay of Islands แห่ง North Island ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับการผ่อนคลายอย่างแท้จริง คุณสามารถว่ายน้ำ เล่นน้ำหรือเดินทางไปยังแหล่งตกปลาหรือดำน้ำหากคุณต้องการ เมือง Waitangi มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ลงนามในสนธิสัญญาซึ่งมอบสิทธิพลเมืองอังกฤษแก่ชาวเมารี
• Otago Peninsula
หากคุณเป็นคนรักสัตว์ Otagao Peninsula คือสถานที่ที่คุณต้องไปเยี่ยมชม ที่นี่เป็นแหล่งชมสัตว์ป่าได้อย่างใกล้ชิดที่สุดใน South Island ตั้งแต่นกอัลบาทรอสจนถึงแมวน้ำ สิงห์โตทะเล นกเพนกวินและอื่นๆ พื้นที่ชนบทที่รกทึบเป็นฉากหลังอันน่าประทับใจสำหรับการชมสัตว์ป่า นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือไปตามเส้นทางน้ำด้วยโปรแกรมทัวร์ที่มีให้บริการหรือเดินสำรวจไปตามหาดทรายขาวสะอาดและชมเพิงจอดเรือและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

สหรัฐอเมริกา (United States of America)

USA


 
สหรัฐอเมริกา (United States of America) เป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยรัฐ 50 รัฐ ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนต่อกับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ส่วนพรมแดนทางทะเลนั้นติดต่อกับประเทศแคนาดา รัสเซียและบาฮามาส โดยมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริง มหาสมุทรอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเลแคริบเบียนเป็นผืนน้ำล้อมรอบ
สหรัฐอเมริกาเป็น ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก และเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในยุคปัจจุบันทั้งในด้านการทหารและ เศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงในด้าน วิทยาศาสตร์ การศึกษา การกีฬา และบันเทิง

เมือง หลวง วอชิงตัน ดี.ซี. (นิวยอร์ค เป็นเมืองใหญ่ที่สุด), เนื้อที่ 9,631,418 ตร.กม., ประชากร 301.7 ล้านคน, ภาษา อังกฤษ, สกุลเงิน ดอลลาร์ (USD)

 หลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ (Louisville, Kentucky)

อันดับ 10 หลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ (Louisville, Kentucky)
เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพอร์ตแลนด์ (Portland) แห่งใหม่ เพราะมีชื่อเสียงเรื่องสนามกีฬาต่างๆ เช่น สนาม

แข่งม้าเคนตักกี้เดอร์บี้ (Kentucky Derby) ร้านอาหารหลากหลาย ตลอดจนโรงกลั่นเหล้าชื่อดัง 

(Urban Bourbon Trail) คุณรู้หรือไม่ว่า 95% ของเหล้าชั้นดีในโลกผลิตที่เคนตักกี้ ทัวร์นักชิมถือเป็นที่

นิยมของนักเดินทางที่มาเยือนเมืองนี้

 ลาสเวกัส รัฐเนวาดา (Las Vegas, Nevada)

ลาสเวกัส รัฐเนวาดา (Las Vegas, Nevada)
เมืองคาสิโนดังของโลก ที่มีดีอย่างอื่นนอกจากเรื่องคาสิโนรีสอร์ท เช่น การไปชมปลาฉลาม ณ 

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมันดาเลย์ (Mandalay Bay Shark reef) หรือจะไปเล่นกีฬาปีนหน้าผาหินแดงเรดร็อค 

(Red Rock Canyon) รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ป้ายไฟนีออนมิวเซียม (Neon Museum) ที่น่าสนใจทีเดียว


ออร์ลันโด รัฐฟลอริดา (Orlando, Florida)


ออร์ลันโด รัฐฟลอริดา (Orlando, Florida)
มือง นี้ติดอันดับเมืองยอดนิยมอันดับต้นๆ มาถึงสองปีซ้อน เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพง ความบันเทิงครบ

ครัน ทั้งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland Theme Park) สวนสัตว์น้ำซีเวิลด์ (Sea World) ยูนิเวอร์

แซล สตูดิโอ (Universal Studio) สปาชั้นเลิศ เมืองโบราณ และร้านอาหารชั้นนำ เรียกได้ว่าเป็นเมือง

ท่องเที่ยวสุขสันต์ของครอบครัว

 แฟร์แบงค์ รัฐอลาสก้า (Fairbank, Alaska)

แฟร์แบงค์ รัฐอลาสก้า (Fairbank, Alaska)
ป็นแหล่งชมแสงเหนือออโรรา (Northern Light  Aurora) ที่ชัดเจนอีกแห่งของโลก และปีนี้เป็นปี

สุดท้ายของ 11 ปีระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cycle) ที่เชื่อกันว่าจะทำให้แสงเหนือนี้สวยงาม

วิจิตรกว่าปกติมาก รวมไปถึงธารน้ำแข็งกลาเซียร์ (Glacier) ที่เชื่อว่าจะละลายหมดภายในไม่กี่ปีข้าง

หน้า เพราะอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น หากนิยมท่องเที่ยวแนววิทยาศาสตร์ ไม่ควรพลาดการไปเยือน

แฟร์แบงค์ปีนี้

 ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย 

(San Francisco, California)

ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย (San Francisco, California)
ถ่ายรูปคู่กับสะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) กลางทะเลหมอกจากยอดเขา เดินทอดน่องใน

เขตโนอิ วัลเลย์ (Noe Valley)  ชิมซุปหอยข้น (Clam Chowder) ขณะชมสิงโตทะเลผึ่งแดด 

ณ ท่าเรือ 39 ขึ้นรถรางเก่าชมเมือง หรือจะเข้าร่วมเทศกาลบิ๊กวิลล์ 

(Bring Your Own Big Wheel Race) ณ ถนน

ที่คดเคี้ยวที่สุด ซาน ฟรานซิสโกไม่เคยทำให้คุณผิดหวังสักครั้งที่ไปเยือน

 โฮโนลูลู รัฐฮาวาย (Honolulu, Hawaii)

โฮโนลูลู รัฐฮาวาย (Honolulu, Hawaii)
ไม่ต้องอธิบายกันมาก กับบรรยากาศสวมเสื้อฮาวายจิบค็อกเทลริมหาดไวกิกิอันโด่งดัง ผืนทรายขาว

ละเอียดนุ่มเท้า น้ำทะเลใสกิ๊ก ทั้งยังเป็นแหล่งโต้คลื่นในฝันของนักเล่นกระดานโต้คลื่นทุกรุ่น หากอยาก

เปลี่ยนบรรยากาศในบางวัน พิพิธภัณฑ์งานศิลปะ และพระราชวังเก่าอิโอลานิ (Iolani Palace) ก็เป็น

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนไม่น้อย

 อุทยานแห่งชาติคาร์ลสเบด คาร์เวิร์น รัฐนิวเม็กซิโก (Carlsbad Caverns National Park, New Mexico)

อุทยานแห่งชาติคาร์ลสเบด คาร์เวิร์น รัฐนิวเม็กซิโก (Carlsbad Caverns National Park, New Mexico)
อุทยานหินงอกหินย้อยอายุกว่าสองล้านปีอันลือชื่อติดอันดับโลก สำหรับนักผจญภัยรุ่นเยาว์และรุ่นใหญ่ 

และยังเป็นถ้ำค้างคาวมหึมา หากฝันอยากลอดถ้ำใต้แผ่นดิน เช่น อินเดียน่า โจนส์  การมาเยือนอุทยาน

ประวัติศาตร์นี้ จะเป็นคำตอบของการเดินทางของคุณอย่างแน่นอน

 อเมริกันซามัว (American Samoa)

อเมริกันซามัว (American Samoa)
เกาะในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรแปซิฟิคแห่งนี้ อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่กำลังเป็น

สวรรค์การท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ของชาวอเมริกัน เพราะธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ หากคุณรัก

กิจกรรมทางน้ำและเดินป่า ชื่นชมวัฒนธรรมชาวเกาะ เชื่อขนมกินได้ว่า ทุกบาททุกสตางค์ของค่าใช้จ่าย

การเดินทาง จะคุ้มค่ากับทริปเกาะในฝันแห่งนี้แน่นอน

 มหานครนิวยอร์ก (New York City)

มหานครนิวยอร์ก (New York City)
นิวยอร์กมีทุกอย่างที่คุณสรรหาตั้งแต่สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมือง เช่น เซ็นทรัลพาร์ค (Central 

Park) พิพิธภัณฑ์และอาร์ตแกลอรี่ชั้นดี ร้านอาหารนานาชาติ แหล่งช็อปปิ้งชั้นนำ ตั้งแต่แบบหรูระยับบน

ถนนสายที่ 5 (The 5th Avenue) จนไปถึงตลาดนัดแนวโบฮีเมียน (Bohemian) ในเขตเวสต์วิลเลจ 

(West Village) เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเที่ยวนิวยอร์กได้ทั่วในทริปเดียว”

 แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา (Grand Canyon, Arizona)

แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา (Grand Canyon, Arizona)
จุดหมายแห่งนี้สมควรขึ้นชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ควรไปเยือน เพราะมิได้เป็นแค่ทัวร์ล่องแก่งอะดรีนาลีน

ฉีดพุ่งพล่าน แต่ยังมีรีสอร์ท-สปาระดับโลก สนามกอล์ฟไฮคลาส  อาร์ตแกลอรี่ และภัตตาคารชั้นนำไว้

เอาใจนักท่องเที่ยวไฮโซเช่นกัน

TURKEY


TURKEY





ตุรกี (Turkey) (ตุรกี: Türkiye [ตืร์กีเย]) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป


เมืองหลวง อังการา (อิสตันบูล เป็นเมืองใหญ่ที่สุด) เนื้อที่ 780,580 ตร.กม. ประชากร 73.2 ล้านคน, ใช้ภาษา ตุรกี เป็นภาษาราชการ, สกุลเงิน ลีราตุรกี (TRY)

ตุรกี (Turkey) หรือ สาธารณรัฐตุรกี มี กรุงอังการา เมืองหลวง เป็นประเทศที่มีพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป เนื่องจากส่วนหนึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป (ร้อยละ 3) อีกส่วนหนึ่งอยู่ในเอเชียตะวันตก และทิศเหนือติดทะเลดำ ทิศตะวันออกติดประเทศจอร์เจียและประเทศอาร์เมเนีย ทิศใต้ติดประเทศอิรัก ประเทศซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดประเทศบัลแกเรียและประเทศกรีซ และมีอากาศร้อนในภูมิภาคทะเลดำ อากาศแบบภาคพื้นทวีปในพื้นที่ตอนใน และแบบเมดิเตอร์เรเนียนตามชายฝั่งทะเลภาคใต้ โดยประชาชนร้อยละ 98 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือที่เหลือเป็นคริสเตียนและยิว มีภาษาเตอร์กิชเป็นภาษาราชการ



           สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี อีกทั้งยังเป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี ชื่อของสุเหร่าได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน และถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยมัสยิดสุลต่านอาห์เมตที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 7 ปี


           สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนตินเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้ง เพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม

          จนถึงสมัยพระเจ้าจัสตินเนียน มีอำนาจเหนือตุรกี จึงได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี ค.ศ 1435 พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุด จึงได้พยายามหาสิ่งของมีค่าต่าง ๆ มาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่างมโหฬาร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิม และเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัยพระเจ้าโมฮัมเม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าอิสลาม แต่ยังคงความงามไว้เช่นเดิม


           พระราชวังทอปกาปิ (Topkapi Palace) ที่ประทับของสุลต่านนานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดยสุลต่านเมห์เม็ตที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1478 พระองค์ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังทอปกาปิขึ้นบนจุดที่สามารถเห็นช่องแคบบอสฟอรัส โกลเด้นฮอร์น และทะเลมาร์มาราได้อย่างชัดเจน, โบสถ์เซนต์ไอรีน (Hagin Irini) หรือ อีแรน เป็นโบสถ์แห่งแรกในอิสตันบลู สร้างในสมัยกษัตริย์คอนสแตนติน


           บ้านของพระแม่มารี (House of Virgin Mary) บ้านที่คาดว่าเป็นที่พำนักสุดท้ายของพระแม่มารี ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปเคารพของพระแม่มารี (ห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายรูป) ส่วนด้านนอกมีก๊อกสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องสุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็นกำแพงอธิษฐาน (Wishing wall) ที่มีราวเหล็กที่เต็มไปด้วยเศษผ้าและกระดาษนับร้อยชิ้น ที่สมัยก่อนคนจะนำผ้าฝ้ายผืนเล็ก ๆ มาผูกไว้แล้วอธิษฐาน


           วิหารเทพีอาร์เทมิส (The Temple of Artemis) เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ ซึ่งในอดีตเป็นวิหารสร้างด้วยหินอ่อน เลียนแบบศิลปะแบบกรีกโบราณ สร้างเพื่อถวายเทพเจ้าอาร์เทมีสหรือเทพเจ้าอารเตมิซ (เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ของกรีก) ผู้มาจากสวรรค์ ผู้ช่วยชาวเมืองให้พ้นจากหายนะและภัยพิบัติได้


           ปามุคคาเล่ หรือ พามุคคาเล (Pamukkale) เป็นเนินเขาสีขาวของหินปูน ความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอนเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากประดุจหิมะ จนถูกขนานนามว่า “ปราสาทปุยฝ้าย” (Cotton Castle) ทั้งนี้ ปามุคคาเล่ ถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับ เฮียราโปลิส (Hierapolis) ซึ่งเป็นเมืองโบราณ ในปี ค.ศ. 1988


           ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) เป็นช่องแคบที่เชื่อม ทะเลดำ เข้ากับ ทะเลมาร์มาร่า ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรป และสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย และในปีค.ศ.1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส  ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น  ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองข้างทาง ซึ่งล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น



           คัปปาโดเซีย (Cappadocia) มรดกโลกทางธรรมชาติสำคัญที่ยูเนสโกยกย่อง ด้วยความสวยงามแปลกตาของภูมิประเทศ เมื่อประมาณ 3 ล้านปีก่อน ภูเขาไฟเอร์เจียสได้ระเบิดกระแสลาวาออกมาปกคลุมหลายพื้นที่หลายร้อยตาราง ไมล์ ต่อมาพายุ ลม และฝน ได้กัดกร่อนชั้นลาวาเหล่านี้ทีละน้อย จนกลายเป็นหุบเขา ร่องลึก แท่งหิน และกรวยหินขนาดต่าง ๆ และมีการเจาะโพรงหินเป็นโบสถ์ วิหาร และหมู่บ้านที่เจาะเข้าไปในภูเขา บริเวณหุบเขาเซลเว (Zelve) รวมทั้งในปัจจุบันมีการประยุกต์เจาะภูเขาหินเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นโรงแรมถ้ำสำหรับนักท่องเที่ยว



           อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นเมื่องที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในตุรกี ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) เดิมชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ซึ่งอิสตันบลูเป็นเมืองเดียวของตุรกีที่มีพื้นที่อยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลียน) และทวีปยุโรป (ฝั่ง Trace ของบอสฟอรัส) โดยทั้ง 2 ทวีป ถูกแบ่งออกจากกันโดยช่องแคบบอสฟอรัส โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส หรือพระราชวังโดลมาบาห์เช ฯลฯ


           
ตลาดสไปซ์ มาร์เกต (Spice Market)  หรือตลาดเครื่องเทศ เหมาะสำหรับคนที่อยากไปเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยาว์ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับ ชา กาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกี ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย และที่พลาดไม่ได้สำหรับของฝาก ของที่ระลึกสุดฮิตของตุรกี นั่นก็คือ ดวงตาปีศาจ Evil Eye เพราะเป็นความเชื่อของชาวตุรกีว่าจะต้องมีสิ่งนี้ติดตัว ติดบ้านเรือนเพื่อปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย

วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

JAPAN

                                     
    JAPAN
























                                                                                  
ญี่ปุ่น มีเนื้อที่กว่า 377,835 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 62 ของโลก หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คิวชู และ ชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น 

ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่ง ถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ ใช้เงินสกุลเยน.




       
พระราชวังอิมพีเรียล


                 พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน

ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ


โตเกียว ทาวเวอร์




           โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย

หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ




            ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า "กัสโช" หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง


 ภูเขาฟูจิ




              ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko)หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
               นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้

 ช้อปปิ้งย่านสุดฮิตที่ย่านชินจูกุ ฮาราจูกุ โอไดบะ




               เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่งท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ, ย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์ ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม


โอซาก้า




                เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios Japan

               แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร "คุอุดะโอะเระ" ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ


 ปราสาทฮิเมะจิ



               ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด

               ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น

               อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน


 วัดโทไดจิ





         วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญของเมืองนาราอีก 7 แห่ง ภายในวัดมี หอไดบุทสึ (Daibutsuden) หรือวิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่ สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764)


 ฮอกไกโด





               ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม

               โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้

               เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

  นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส

ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ณ ฟุระโนะ



               เมืองฟุระโนะ 
ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดี เป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้ ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว 30 องศา และที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งดอกไม้อื่น ๆ โดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือนกันยายน ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามาก ทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียง และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี